คุณหลอกตัวเองอยู่หรือไม่
อดีตข้าราชการท่านหนึ่ง ดื่มเบียร์วันละ 12 ขวดมาหลายปี
เข้าพรรษาปีนี้ เขาลองหยุดดื่ม
เพื่อร่วม “งดเหล้าเข้าพรรษา” แต่ทำไม่ได้ เพราะอ่อนเพลียมาก และรู้สึกเหมือนมีแมลงไต่ตามตัว
เป็นอาการบ่งบอกว่าเขาติดแอลกอฮอล์ในระดับที่สมองเสียไปมากแล้ว เสี่ยงต่อการเกิดอาการทางจิต
สมองเสื่อม และโรคภัยต่างๆ จากพิษสุรา
เมื่อผมสอบถามเขาว่า สนใจจะรักษาเพื่อหยุดดื่มหรือไม่
เขาตอบว่า ไม่ ผมมาโรงพยาบาลเพื่อรักษาอาการปวดเมื่อยตามข้อมาก (ซึ่งเป็นผลจากการดื่ม)
ถ้าดีขึ้นแล้ว ก็จะกลับบ้าน
ภรรยาซึ่งนั่งอยู่ข้างๆ สบตาผม พร้อมกับแสดงสีหน้าลำบากใจ
ปฏิกิริยาที่คนเราปฏิเสธปัญหาของตัวเองเช่นนี้
ไม่ได้เกิดขึ้นเฉพาะกับคนติดเหล้าเท่านั้น
แต่ยังพบได้บ่อยกว่าที่คุณคิด
คุณเองก็อาจมีอาการบางอย่างคล้ายคลึงกัน
ขอยกตัวอย่างให้ลองทบทวนกันดูนะครับ
คนมีน้ำหนักเกินรู้ดีว่ามันไม่ดีกับสุขภาพ แต่ส่วนใหญ่จะมีเหตุผลให้กับตัวเอง ที่ทำให้เขาอยู่กับปัญหานั้นต่อไป แม้ว่าเขาอาจมีอาการบ่งบอกถึงปัญหาที่เพิ่มมากขึ้นเรื่อยๆ เช่น เหนื่อยง่าย ปวดตามข้อ
ผู้ป่วยเบาหวานรู้ดีว่า ควรจำกัดปริมาณน้ำตาลและของหวาน
แต่ในทุกฤดูร้อน หลายคนจะกินมะม่วงและทุเรียนจนระดับน้ำตาลในเลือดขึ้นสูง ซึ่งเป็นอันตรายต่อสุขภาพของเขา
ทุกคนรู้ดีว่าการออกกำลังกายดีต่อสุขภาพ
แต่คนส่วนใหญ่ รวมทั้งคนทำงานด้านสุขภาพจำนวนมาก
มักมีเหตุผลในการไม่ออกกำลังกาย
ทั้งที่เขาอาจกำลังมีปัญหาสุขภาพแล้วก็ตาม
ตัวอย่างมีอีกมากมาย เกิดขึ้นได้แทบทุกเรื่อง กับคนแทบทุกกลุ่ม
คุณเองอาจมองเห็นปฏิกิริยาเช่นนี้ในตัวคุณ
ชีวิตมีอาการแสดงของปัญหาบางอย่าง
แต่คุณยังคงอยู่กับมันต่อไป
บางครั้ง เวลามีคนเตือน
คุณอาจรู้สึกหงุดหงิดกับคำเตือนของพวกเขา
วิธีแก้ไขปัญหานี้
เริ่มต้นจากการตระหนักว่า
เราอาจกำลังหลอกตัวเอง และนั่งทับปัญหาอยู่
ทั้งที่มันควรได้รับการแก้ไข
เปิดใจรับความเป็นไปได้
มองดูชีวิตตัวเองด้วยใจเป็นกลาง
ค้นหาสิ่งที่ควรได้รับความใส่ใจดูแล
นอกจากนี้ คุณยังอาจถามคนรอบข้างที่ไว้ใจ
คนที่พร้อมบอกกับคุณตรงๆ
คุณพร้อมแล้วหรือยัง